นิค

นิค
น่ารัก

วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

กิจกรรมที่ 3 ผู้นำในดวงใจ

                                              ผู้นำที่ชื่นชอบ ของข้าพเจ้าคือ นายชวน หลีกภัย                                         
ประวัติโดยย่อของท่าน

     นายชวน หลีกภัย เกิดเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2481 ที่ตำบลท้ายพรุ อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เป็นบุตรคนที่ 3 ในจำนวน 9 คน ของนายนิยม หลีกภัย และนางถ้วน หลีกภัย เมื่อยังเด็ก นายชวนมีชื่อเรียกในครอบครัวว่า "เอียด" หมายถึง เล็ก เนื่องจากเป็นคนรูปร่างเล็ก

ประวัติการศึกษา


ประถมศึกษา โรงเรียนวัดควนวิเศษ จังหวัดตรัง
มัธยมศึกษา โรงเรียนมัธยมวัดควนวิเศษ และโรงเรียนตรังวิทยา
สำเร็จการศึกษาโรงเรียนศิลปศึกษา แผนกจิตรกรรมและประติมากรรม เตรียมมหาวิทยาลัยศิลปากร (วิทยาลัยช่างศิลป์ ในปัจจุบัน)
พ.ศ. 2505 นิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
พ.ศ. 2507 เนติบัณฑิต สำนักอบรมศึกษาทางกฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา สมัยที่ 17
พ.ศ. 2528 ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ทางรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
พ.ศ. 2530 ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ทางรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
พ.ศ. 2536 ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ทางนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์
พ.ศ. 2537 ดุษฎีบัณฑิต สาขาวรรณกรรม (ภาพเขียน) มหาวิทยาลัยศิลปากร
พ.ศ. 2541 นิติศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล
พ.ศ. 2542 ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัย San Marcos สาธารณรัฐเปรู
พ.ศ. 2548 รัฐศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (สาขาการเมืองการปกครอง) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
พ.ศ. 2552 นิติศาสตร์คุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์



ประวัติการทำงาน
     นายชวน หลีกภัยได้เริ่มต้นชีวิตการทำงานโดยการเป็นทนายความ และต่อมาได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดตรัง ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และได้มาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในปี พ.ศ. 2534 ชวน หลีกภัย ได้เคยดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการมาหลายกระทรวง ซึ่งได้แก่ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข รวมถึง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร และผู้นำฝ่ายค้าน ในปี พ.ศ. 2533 ชวน หลีกภัย ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรี และต่อมาในปี พ.ศ. 2535 ได้ขึ้นดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี สมัยที่ 1 และวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 2 พร้อมควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทั้งนี้นับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา นายชวนเป็นพลเรือนคนที่สอง นับจาก ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช
นายชวน หลีกภัย เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสองสมัย สมัยแรกระหว่างปี พ.ศ. 2535-2538 (ครม.คณะที่ 50) สมัยที่สองระหว่างปี
พ.ศ. 2540-2544 (ครม.คณะที่ 53) และเคยดำรงตำแหน่งเป็น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ติดต่อกัน 3 สมัย ระหว่างปี พ.ศ. 2534-2546 เป็นเวลารวม 12 ปี


เหตุผลที่ชอบครับ


     เหตูผลที่ชื่นชอบท่านเพราะว่า จากตอนยังเด็กนั้นตั้งแต่จำความได้นั้น มีการเลือกตั้งกันมาหลายสมัยแต่ที่ข้าพจำได้แม่นยำก็คือ ท่านนายกชวน หลีกภัย ที่เป็นนายยกรัฐมนตรีที่เป็นคนในภาคใต้ที่ดำรงตำแหน่งด้วยความซื่อสัตย์ รักประชาชน และที่สำคัญคือ ประชาชนก็รักท่านด้วย และสามรถนำการใช้ชีวิตของท่านมาเป็นแบบอย่างได้ก็คือ การที่ท่านเป็นคนที่สมถะ มีความยุติธรรม และคำว่า"ชวน เชื่องช้า"ก็เช่นกันเป็นเพราะว่า ท่านต้องคิดรอบคอบอย่างถ้วนถี่โดยประกอบข้อเท็จจริงและหลักการ แล้วจึงจะตอบหรือทำ ก็เพราะความรอบคอบนั่นเอง และอีกด้านหนึ่งที่ชื่นชอบก็คือ ด้านการพูดที่ท่านเป็นคนที่มี ว่า วาทะที่คมดายจนได้รับคำชมว่า คมดาบอาบน้ำผึ้ง




                                     
                        ชวน หลีกภัย คนดีไม่มีวันตาย   


ชวน หลีกภัย คนดีไม่มีวันตาย
 

อดีตนายกรัฐมนตรี "ชวน หลีกภัย" และอดีต ส.ส.จังหวัดตรังตลอดกาล
คือ ผู้เป็นขวัญใจของชาวปักษ์ใต้ทั้งมวล
หากหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ คือ เกจิอาจารย์ที่คนปักษ์ใต้นับถือเป็นอันดับหนึ่ง
นายชวน ก็คือพระทางการเมือง เป็นหลวงพ่อประจำพรรคประชาธิปัตย์
ผู้สมัครในภาคใต้นำไปห้อยคอแล้วสอบผ่านทุกราย
ยกเว้นคนที่โชคร้ายจริงๆ
เจ้าอาวาสประจำพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้มีคุณธรรมประจำใจ
สั่งสอนลูกพรรคให้ยึดมั่นแนวทางประชาธิปไตย ไม่ซื้อสิทธิ์ขายเสียง
และรังเกียจการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นที่สุด

ท่านเป็นเจ้าหลักการประจำพรรค ให้ชีวิตเรียบง่าย สมถะ
ให้ความยุติธรรม แก่ทุกคนตามหลักพระธรรมศาสตร์ที่ได้ร่ำเรียนมา
เป็นศิลปินที่ชอบวาดภาพลายเส้นเป็นงานศิลปะ
มีวาทะคมคายที่เป็นประจักษ์ และปรากฏต่อสาธารณชน
เป็นหัวหน้าพรรคที่ทุกคนยกมือไหว้ได้อย่างสนิทใจ
ความซื่อสัตย์ของนายชวน ยากที่จะหานักการเมืองคนใดมาเปรียบปาน
คำปราศรัยของนายชวน ตามที่ต่างๆ
ล้วนแต่มีหลักการ-คำคม และอนุสติสอดแทรกอยู่ทุกครั้ง
ต่างกรรมต่างวาระ เป็นเสมือนหนึ่งดังเข็มทิศทางการเมือง
ให้กับนักการเมือง และอนุชนรุ่นหลัง
"ใบมีดโกน อาบน้ำผึ้ง"ฉายาที่สื่อมวลชนกล่าวถึงนายชวน
จึงไม่เกินเลยไปจากความเป็นจริงแต่อย่างใด
และคำว่า"ชวน เชื่องช้า"ก็เช่นกัน
เป็นเพราะว่า ท่านต้องคิดรอบคอบอย่างถ้วนถี่
โดยประกอบข้อเท็จจริงและหลักการ แล้วจึงจะตอบหรือทำ ก็เพราะความรอบคอบนั่นเอง
มิใช่เป็นนายกรัฐมนตรีปากจัด-ปากไวอย่างใครบางคน
...ที่สามารถใช้ปากก่อให้เกิดปัญหาขึ้นมากมาย
ตั้งแต่ทำเนียบรัฐบาลยัน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ความพอเพียง และความเพียงพอในชีวิตของนายชวน เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
แม้กระทั่งในหลวงท่านก็ยังตรัสต่อหน้าผู้เข้าเฝ้าฯทั้งหลาย
"ชวน หลีกภัย" จึงมิได้เป็นทรัพยากรบุคคลทางการเมืองที่ล้ำค่าของพรรคฝ่ายค้านเท่านั้น
หากแต่เป็น "ต้นแบบ" ของนักการเมืองไทยในวันนี้ และวันหน้าได้อย่างองอาจ และสง่างาม
"ไม่โกงกิน ไม่สิ้นชาติ" จึงเป็นถ้อยคำที่บาดจิตบาดใจนักการเมืองที่ขี้โกงทั้งหลาย
ยิ่งทุกวันนี้ ปรากฏข่าวทุจริตคอร์รัปชั่นในรัฐบาลทักษิณมากมายหลายประเด็น
ผู้คนยิ่งไถ่ถามถึงอดีตนายกฯ ชวน หลีกภัย
เดินไปที่ไหนเป็นเรื่องแปลกที่มีชาวบ้านเดินเข้ามาถามดื้อๆ
"เมื่อไหร่นายชวน จะกลับมาเป็นนายกฯ"
ยิ่งโกงมาก ชาวบ้านก็ยิ่งถามมากขึ้นตามลำดับ
ทั้งๆ ที่ชาวบ้านเองก็รู้ว่านายชวนไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคแล้ว
แต่ชาวบ้านก็อยากให้นายกชวนกลับมาเป็นนายกฯ
เพราะนายชวน ไม่โกง!
เพราะภาพความซื่อสัตย์ สุจริต สมถะซื่อๆ และจริงใจของนายกชวนนั้น
มันตัดกับภาพของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อย่างสิ้นเชิงในทุกประเด็น
เรียกได้ว่า ได้เสียกันในทางการเมือง
ส่วนความจริงในอนาคตจะปรากฏอย่างไรนั้น
เราก็มิอาจหยั่งรู้ฟ้า-ดิน
สุดแท้แต่มันจะเป็นไป...